Category Archives: ไลฟ์สไตล์

คุณเชื่อไหมว่าแค่งานอดิเรกชิค ๆ ก็ทำให้คุณกลายเป็นสุภาพบุรุษสุดเจ๋งได้

มีคำกล่าวหนึ่งของ Oscar Wilde เคยกล่าวไว้นานแล้วว่า “ความน่าเบื่อของชีวิตไม่ได้อยู่กับเราตลอดไปหรอก” คำกล่าวนี้สะท้อนให้เราเห็นว่า ในหน้าที่การงานหรือกิจกรรมต่าง ๆ ที่เราทำทุก ๆ วัน ทำจนเรารู้สึกว่ามันกลายเป็นเรื่องน่าเบื่อ สักวันหนึ่งจะกลายเป็นสิ่งที่คุณรู้สึกว่ามันมีคุณค่ากว่าที่คิด เพราะมนุษย์เราทุกคนต้องการความท้าทายใหม่ ๆ ให้กับชีวิตเสมอ อะไรที่เราทำจนซ้ำซากจำเจ แต่เราก็เลี่ยงมันไปไม่ได้ เราจะหาวิธีการสร้างสรรค์ใหม่ หรือสร้างรูปแบบใหม่ ๆ ขึ้นมาเพื่อให้เกิดความยากและเกิดความท้าทายลบล้างความน่าเบื่อของกิจกรรมนั้น ๆ ไปเอง แต่ถ้าในตอนนี้คุณยังคิดไม่ออก หาทางออกไม่ได้ว่าจะเปลี่ยนสิ่งที่ทำอยู่จนเบื่อให้เกิดความสนุกท้าทายได้อย่างไร เราก็ขอมาแนะนำงานอดิเรกสำหรับผู้ชาย ที่บอกเลยว่าถ้าคุณทำได้ คุณจะกลายเป็นผู้ชายที่มีความเจ๋งในตัวเอง จะมีงานอดิเรกใดบ้างนั้นมาดูกัน

“กีฬา” หนึ่งความท้าทายในศักยภาพของตัวเอง

จริง ๆ แล้วผู้ชายส่วนใหญ่ชอบกีฬาอยู่แล้ว บางคนอาจจะฝึกและเล่นด้วยตัวเองเลย บางคนอาจจะขอแค่เชียร์ในฐานะผู้ชม แต่ไม่ว่าจะอยู่ในสถานะรูปแบบไหน ผู้ชายส่วนใหญ่ก็จะถูกจริตกับการเล่นกีฬาและการออกกำลังกายเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว เพราะกิจกรรมเหล่านี้เป็นการเคลื่อนไหว ใช้ร่างกาย ใช้ความเข้มแข็ง ซึ่งเป็นธรรมชาติของผู้ชายที่ต้องมีเรื่องเหล่านี้อยู่ในตัว แต่คุณจะรู้หรือไม่ว่า การใช้กีฬาเป็นงานอดิเรกนั้น ไม่เพียงทำให้ร่างกายและจิตใจเราได้ประโยชน์เท่านั้น แต่ยังเป็นหนึ่งวิธีที่จะช่วยให้คุณสลัดความน่าเบื่อของไลฟ์สไตล์อันซ้ำซากของคุณได้

อย่างใครที่สละเวลาลงไปออกกำลังเองเล่นเอง ชัยชนะจากเกม ความแข็งแกร่งของร่างกาย รวมถึงสรีระรูปร่างที่เปลี่ยนแปลงไปล้วนเป็นโจทย์ที่เพิ่มดีกรีความท้าทายใหม่ ๆ ให้กับชีวิตเสมอ อย่างบางคนวิ่ง การตั้งเป้าหมายใหม่ ๆ ในการวิ่ง ให้พรุ่งนี้วิ่งได้ไกลขึ้นแบบนี้ ก็เป็นการท้าทายศักยภาพของตนเอง แม้กระทั่งคนที่ไม่ได้ลุกขึ้นมาเล่นเอง ได้แต่นั่งเชียร์ การเชียร์ไปด้วยและวางเงินเดิมพันเล่นพนันไปกับเกมการแข่งขันด้วยก็ช่วยให้ชีวิตกระชุ่มกระชวยหายเบื่อได้เหมือนกัน ซึ่งใครสนใจก็ลองไปสมัครเล่นกับเว็บ fun88 ได้มีกีฬาให้เลือกเล่นเดิมพันหลากหลาย ซึ่งทำให้ชีวิตมีเรื่องท้าทายขึ้นอีกเป็นกอง เพราะได้ลุ้นว่าจะได้หรือจะเสียนั่นเอง

“งานศิลปะ” ความสุนทรีย์ที่ทำให้ชีวิตไม่น่าเบื่อ

มีผู้ชายหลายคนใช้เวลาว่างทำงานศิลปะแขนงต่าง ๆ เป็นงานอดิเรก อย่างบางคนชอบถ่ายภาพ วันหยุดทีก็สะพายเป้คว้ากล้องไปจับภาพสวย ๆ เสมอ ไม่เพียงถ่ายเก็บไว้ บางคนยังนำมาขายหารายได้ออนไลน์อีกด้วย ส่วนบางคนชื่นชอบในการเล่นดนตรี แต่งบทกวีและทำดนตรีให้สอดประสานไปด้วย กิจกรรมเหล่านี้ไม่เพียงทำให้ชีวิตไม่น่าเบื่อ แต่ยังเป็นสิ่งที่สะท้อนความสามารถ สะท้อนความคิดอารมณ์และความรู้สึกในช่วงขณะนั้นออกมาได้ดี คล้ายเป็นการเขียนไดอารี่ชีวิตในช่วงหนึ่งเลยทีเดียว

กิจกรรมและงานอดิเรกที่กล่าวมาทั้งหมดนี้ หากผู้ชายคนไหนทำได้ไม่เพียงจะทำให้ชีวิตคุณมีความสดใสไร้ความน่าเบื่อแล้ว ยังจะกลายเป็นเสน่ห์ประจำตัวของคุณด้วย คุณจะดูเจ๋งขึ้นในสายตาของคนเพศตรงข้ามได้อย่างไม่ยากเย็น แต่ทั้งนี้งานอดิเรกเหล่านี้คุณเองก็ต้องเจ๋งพอตัวนะ ต้องทำให้ดีโดดเด่นเหนือใครออกมา จึงจะทำให้คุณดูสง่าเหนือกว่าใคร ๆ

งานอดิเรกชนิดใหม่ที่ผู้ใหญ่ควรให้การสนับสนุน

อากาศยานไร้คนขับหรือโดรนเป็นหนึ่งในแก็ดเจ็ตสมัยใหม่ที่กำลังได้รับความนิยมอย่างสูง ยานบินไร้สายนี้ทลายข้อจำกัดในอดีตไปจนหมดสิ้นทั้งการถ่ายภาพมุมสูง ถ่ายวิดีโอต่าง ๆ หรือแม้แต่การบังคับบินเล่นเพื่อความบันเทิง กล่าวได้ว่าประดิษฐกรรมนี้เข้ามาเติมเต็มฝันของมนุษย์อย่างแท้จริงและการบังคับโดรนในปัจจุบันก็ได้กลายเป็นเกมกีฬาอีกประเภทที่มีการจัดแข่งขันอย่างจริงจังเพื่อเฟ้นหานักบังคับโดรนฝีมือดี โดยเฉพาะเด็ก ๆ เยาวชนที่หลายฝ่ายต้องการสนับสนุนด้วยเล็งเห็นว่าจะกลายเป็นบุคลากรจำเป็นในอนาคตนั่นเอง

อากาศยานไร้คนขับได้กลายเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับงานหลากหลายด้านในทุกวันนี้ ถูกใช้ปฏิบัติงานตั้งแต่หน่วยงานระดับชุมชนไปจนถึงองค์กรระดับนานาชาติ การใช้งานก็หลากหลายรูปแบบตั้งแต่การบังคับเล่นไปจนถึงยุทธการทางทหาร ข้อดีของยานบินชนิดนี้คือทำงานเงียบ ราคาถูก และไม่มีความเสี่ยงต่อชีวิตของผู้ควบคุม ต่างจากอากาศยานมีคนขับที่ตรงข้ามกันแทบทุกด้าน ดังที่ได้กล่าวไปโดรนถูกใช้ในงานหลากหลายแขนงจึงทำให้โดรนแต่ละชนิดมีขนาดแตกต่างกัน ตั้งแต่ขนาดเล็กจิ๋วสามารถจำแลงรูปร่างละม้ายคล้ายแมลงปีกแข็งใช้ในงานสอดแนมผู้ก่อการร้ายไปจนถึงขนาดใหญ่เกือบเท่าเครื่องบินเล็กใช้บรรทุกยุทโธปกรณ์ทางทหาร ด้วยความที่มีหลากหลายขนาดหลากหลายชนิดการบังคับอากาศยานชนิดนี้จึงมีหลายรูปแบบตามกันไปด้วยตั้งแต่การควบคุมด้วยโทรศัพท์มือถือ อุปกรณ์คอนโทรลเลอร์ ไปจนถึงการบังคับผ่านห้องควบคุมเช่นเดียวกับห้องนักบิน ด้วยความหลากหลายในประโยชน์ใช้งานทุกวันนี้นักบังคับโดรนฝีมือดีจึงยังถือเป็นบุคลากรที่ขาดแคลนและมีแนวโน้มว่าจะยิ่งทวีความต้องการมากขึ้นในอนาคต

ทางรัฐบาลไทยเล็งเห็นถึงความต้องการบุคลากรผู้มีทักษะที่ดีในการบังคับโดรนและมั่นใจว่าต่อไปในอนาคตอากาศยานไร้คนขับนี้จะยิ่งจำเป็นทั้งต่อประเทศไทยเองและระดับนานาชาติจึงมีการบรรจุแผนสร้างนักบังคับโดรนในยุทธศาสตร์ชาติยี่สิบปีเช่นเดียวกับกีฬา E-sport และการสร้างนักภาษาคอมพิวเตอร์ ดังนั้นพ่อแม่ผู้ปกครองจึงมั่นใจได้ว่าหากสนับสนุนให้บุตรหลานฝึกทักษะการบังคับโดรนไว้ตั้งแต่ตอนนี้ ในอนาคตทักษะดังกล่าวจะกลายเป็นอีกหนึ่งทางเลือกในการประกอบอาชีพของพวกเขาอย่างแน่นอนเพราะทั้งหน่วยงานภาครัฐและเอกชนต่างก็จำเป็นต้องใช้งานยานบินชนิดนี้ นอกจากการบังคับอากาศยานไร้คนขับจะมีอนาคตที่สดใสรออยู่เบื้องหน้าแล้วในแง่ของประโยชน์ด้านสันทนาการเด็ก ๆ ก็จะเพลิดเพลินไปกับความสนุกที่ได้ด้วยเช่นกัน การได้บังคับโดรนให้บินไปอย่างอิสระจะช่วยให้เด็ก ๆ ได้เปิดโลกทัศน์ มองเห็นมุมมองใหม่ ๆ ค้นพบโลกที่พวกเขาไม่เคยเห็นมาก่อน

ปัจจุบันในเมืองไทยหลายครอบครัวเริ่มสนับสนุนให้เยาวชนฝึกบังคับโดรนกันแล้วและสมาคมของผู้หลงใหลศาสตร์การบินชนิดนี้ก็สามารถช่วยเหลือ ให้คำปรึกษาทั้งยังจัดกิจกรรมร่วมกันบ่อยครั้งโดยเฉพาะในเมืองใหญ่ ๆ อย่างกรุงเทพฯ เชียงใหม่ ชลบุรีและนครราชสีมา เด็ก ๆ ได้มีแหล่งพบปะ แข่งขัน ทำกิจกรรมร่วมกัน ส่งผลให้งานอดิเรกชนิดนี้ไม่น่าเบื่อ มีเทคนิคใหม่ ๆ ให้เรียนรู้และมีเพื่อนร่วมเล่นด้วยกันอยู่เสมอเลยทีเดียว

5 งานอดิเรกบำบัดอาการติดหน้าจอ

ในยุคดิจิตอลที่ทุกอย่างสะดวกรวดเร็ว ความบันเทิงทุกอย่างช่างง่ายดายสำเร็จได้ด้วยมือถือเพียงเครื่องเดียว การได้มาซึ่งความเจริญเหล่านี้สังคมมนุษย์ต้องจ่ายด้วยราคามหาศาล ต้องแลกด้วยวิถีชีวิตที่เปลี่ยนไป สูญเสียเวลา สูญเสียทักษะหลาย ๆ อย่างในชีวิต สำคัญกว่านั้นคือการใช้งานสิ่งเหล่านี้กลายเป็นการเสพย์ติดอย่างเลี่ยงไม่ได้ และการใช้งานสมาร์ทดีไวซ์ที่มากเกินไปในปัจจุบันถือเป็นอีกปัญหาใหญ่ของสังคมเลยทีเดียว หลายคนอยากหากิจกรรมอื่นทำเพื่อระงับอาการเสพย์ติดของตัวเอง หลายคนอยากดึงความสนใจของบุตรหลานออกจากหน้าจอบ้าง จริง ๆ แล้วเรื่องนี้ไม่ยากเลยหากรู้จักกับงานอดิเรกที่แสนเพลิดเพลินเหล่านี้

ปลูกต้นไม้ การปลูกต้นไม้เป็นงานอดิเรกที่ได้ใช้เวลามาก ร่วมมือกันได้ทั้งครอบครัว ไม่ว่าจะเป็นการปลูกไม้สวยงามไว้ประดับบ้านหรือปลูกผักไว้รับประทานด้วยกันในครอบครัวก็เป็นประโยชน์ทั้งสิ้น ที่สำคัญการเฝ้าดูต้นไม้เติบโตจะช่วยกล่อมเกลาจิตใจเด็ก ๆ ทำให้รู้จักคุณค่าของการรอคอย ตระหนักรู้ว่าทุกอย่างไม่ได้รวดเร็วดังใจเสมอไป

ใช้เวลากับสัตว์ ไม่ว่าจะเป็นการดูแลและเล่นกับสัตว์เลี้ยงในบ้านหรือการเที่ยวชมสวนสัตว์ก็เป็นวิธีการที่เพลิดเพลินได้ใช้เวลาไปอย่างคุ้มค่า ข้อดีคือการแบ่งเวลาอยู่กับสิ่งมีชีวิตบ้างจะทำให้มนุษย์เราอ่อนโยนขึ้น ไม่หยาบกระด้าง และรู้จักคุณค่าของชีวิตมากขึ้นกว่าเดิม

อ่านหนังสือ ทุกอย่างไม่ได้อยู่บนโลกอินเทอร์เน็ตเสมอไปโดยเฉพาะความรู้ มีความรู้หลายอย่างที่ไม่ได้กลายเป็นดิจิตอล การอ่านหนังสือเป็นอีกหนึ่งวิธีในการเติมเต็มทั้งความรู้ ความสนุกสนานและจินตนาการ ทั้งนี้การอ่านหนังสือยังเป็นหนึ่งในวิธีการที่ดีที่สุดสำหรับการออกห่างจากอุปกรณ์สมัยใหม่เพราะความเพลิดเพลินที่ได้รับจากหนังสือจะทำให้ผู้อ่านใช้เวลาไปโดยไม่รู้ตัวเลยทีเดียว

ทำงานฝีมือ การประดิดประดอยสิ่งต่าง ๆ ทำให้เราได้ใช้ความคิดและจินตนาการ การลงมือทำสิ่งต่าง ๆ เพื่อช่วยอำนวยความสะดวกในบ้าน เพื่อตกแต่งบ้าน หรือเพื่อเอาไว้ใช้แก้ปัญหาต่าง ๆ ทำให้เราได้ใช้เวลาอย่างมีประโยชน์ เกิดความภาคภูมิใจและไม่แน่สิ่งต่าง ๆ ที่ D.I.Y ขึ้นมานี้ถ้าเจ๋งพออาจนำไปฝากเพื่อน ๆ หรือจำหน่ายได้อีกต่างหาก

ทำอาหาร การทำอาหารหรือขนมโดยเฉพาะตำรับไทยมีความละเอียดละเมียดละไมในขั้นตอนจึงต้องใช้เวลาตระเตรียมและปรุงอาหารพอสมควร ซึ่งเวลาที่ใช้ก็ไม่สูญเปล่าเพราะอย่างไรคนเราก็ต้องรับประทานอาหารอยู่แล้ว นอกจากนี้การทำอาหารด้วยกันในครอบครัวยังเป็นกิจกรรมที่มีข้อดีด้านอื่น ๆ ด้วยทั้งความสนุกระหว่างทำอาหาร การสานสัมพันธ์ในครอบครัวแถมยังประหยัดและได้ทานอาหารปรุงสุกใหม่ที่ดีต่อสุขภาพอีกด้วย

ยังมีวิธีการอีกมากที่สามารถนำมาประยุกต์ใช้เพื่อแก้ไขปัญหาการติดหน้าจอไม่ว่าจะเป็นการล้างรถ ทำความสะอาดบ้าน หรือแม้แต่การออกกำลังกาย แต่ทุกกิจกรรมจะเกิดขึ้นได้ก็ต่อเมื่อมีความตั้งใจจะลดละจริง ๆ ซึ่งการใช้อุปกรณ์สมัยใหม่ให้น้อยลงถือเป็นการดีต่อตัวเองเพราะจะช่วยทุเลาความเครียด ลดความเสื่อมถอยของกระจกตาและปัญหาสุขภาพด้านอื่น ๆ ด้วยนั่นเอง

มาลองเป็นเพื่อนกับ “ความเหงา” กันดีไหม

ถ้าลองค้นหาคำว่า “เหงา” ใน Google เราคงจะพบเรื่องราวเกี่ยวกับความเหงามากมาย ไม่ว่าจะเป็นวิธีแก้เหงา กิจกรรมทำยามเหงา หาเพื่อนคุยแก้เหงา ขึ้นมาเป็นร้อยเป็นพันหัวข้อ แม้แต่บทเพลงก็ยังมีการพูดถึงความเหงาอยู่มากมาย ดูเหมือนว่า ความเหงาจะเป็นสิ่งที่หลายคนไม่ต้องการเอาซะเลยจริง ๆ ความเหงามันน่ากลัวขนาดนั้นหรือเปล่า มีแต่คนที่ใช้คำเหงาเป็นข้ออ้าง เพื่อที่จะได้รู้สึกผิดน้อยลงเมื่อทำผิด

                เราลองมารู้จักกับความเหงากันดีกว่า ความเหงาเป็นความรู้สึก หน่วง ๆ อึน ๆ ไม่ได้สุขมาก ไม่ได้ทุกข์มาก แต่รู้สึกโดดเดี่ยว ซึ่งความโดดเดี่ยวนี้ก็ไม่ได้ขึ้นอยู่กับการไม่มีเพื่อน ไม่มีคนรัก บางคนมีคนล้อมหน้าล้อมหลังมากมาย แต่ยังรู้สึกเหงา แท้จริงแล้วความเหงาเกิดจาก การรู้สึกขาดความใส่ใจ ขาดที่พึ่ง จะเห็นคนไม่น้อยที่บ่นว่าเหงา แม้จะอยู่ท่ามกลางเสียงอึกทึกครึกโครม หรือบางที ความเหงาเกิดขึ้นเมื่อคิดถึงใครสักคนหนึ่ง ที่เรารู้สึกว่า เราไม่ได้สามารถมีเขาอยู่ข้าง ๆ เราได้ มันเลยเป็นช่วงเวลาที่รู้สึกเหงาที่สุด

ฟังดู ความเหงาก็ดูไม่ใช่เรื่องที่ดีสักเท่าไหร่ แต่ทำไมถึงอยากให้เป็นเพื่อนกับมันละ

                ความเหงา ไม่ได้น่ากลัวหรอก แต่การใช้ความเหงามาเป็นข้ออ้างในการทำความผิดนี่น่ากลัว บางคนมีแฟนอยู่แล้วแต่อยู่ห่างไกลกัน หรือแฟนมีเวลาให้ก็ใช้คำว่าเหงามาเป็นข้ออ้างที่จะมีคนเพิ่มเข้ามา เพื่อเติมเต็มในส่วนที่บอกตัวเองว่าอยู่ไม่ได้แน่ ๆ หรือหลายคนที่ชีวิตไม่เคยโสดเลยเพราะไม่สามารถอยู่แบบคนเดียว ไม่มีแฟน ไม่มีคนไปไหนมาไหนด้วยไม่ได้ เลยเลือกที่จะคบกับใครก็ได้แต่ขอให้ตัวเองไม่ว่างเท่านั้น สุดท้ายมานั่งเสียใจเองว่า คบกับใครก็คบได้ไม่นาน เพราะไม่ได้ศึกษากันดี ๆ และหวั่นไหวง่ายเพราะการกลัวความเหงานั้นเอง

                หากเราลองมามองความเหงาดี ๆ ช่วงที่ความเหงาเข้ามาเป็นช่วงที่เรามีเวลาอยู่กับตัวเองมากที่สุด มีเวลาได้รู้ความคิดของตัวเอง ได้ฟังเสียงของตัวเอง เป็นช่วงเวลาได้ทบทวนตัวเอง บางทีช่วงชีวิตของคนเราอาจจะต้องการช่วงเวลาที่ได้คิด ไตร่ตรอง เพื่อปรับปรุงและพัฒนาตัวเองก็ได้ ลองปล่อยให้ตัวเองได้เหงาดูบ้าง ถ้าหากเราอยู่กับมันได้ ใจของเราก็จะแข็งแรงขึ้น และสามารถตั้งรับกับเรื่องราวต่าง ๆ ได้

                ความเหงา เป็นเพียงโหมดหนึ่งของความรู้สึกคนเราเพียงเท่านั้น วิธีแก้อยู่ที่ใจของเราเอง ไม่มีใครสามารถทำให้เราหายเหงาได้อย่างแท้จริง หากเราไม่แก้ด้วยตัวเราเอง เพราะวันใดก็ตามที่เราหาใครสักคนมาแค่เพื่อแก้เหงา วันนึงถ้าเขาหายไป เราก็ต้องหาคนใหม่ ๆ มาแก้เหงาของเราอีกอยู่ดี จะดีกว่าไหม ถ้าเราอยู่กับมันได้ด้วยตัวเราเอง

                ลองเป็นเพื่อนกับความเหงาดูสิ แล้วจะรู้ว่า “ความเหงา” น่ารักกว่าที่คิดนะ

ความฝันในวัยเด็ก กับความฝันตอนเป็นผู้ใหญ่ ยังเป็นฝันเดียวกันอยู่หรือเปล่า?

“ความฝันเป็นสิ่งที่สวยงาม เป็นอิสระ ไร้กรอบและขอบเขต” นี่คือคำจำกัดความความฝันในวัยเด็กของหลาย ๆ คน ไม่มีกฎเกณฑ์ หรือข้อบังคับ เราสามารถจะเป็นอะไร หรือฝันอะไรก็ได้ที่เราอยากจะเป็น จึงไม่ใช่เรื่องน่าแปลกเลยที่เราอาจจะไม่ได้มีแค่ ความฝันเดียว ความฝันของเราเหมือนทุ่งกว้างใหญ่ที่เราจะสามารถปลูกต้นแห่งความฝันกี่ต้นก็ได้ แต่ว่า ยิ่งเราโตขึ้น ความฝันของเราก็ถูกจำกัดให้แคปลง ด้วยสิ่งแวดล้อม ค่านิยม หรือข้อจำกัดต่าง ๆ มากมาย จนบางคนแทบจะไม่เหลือความฝันเลยด้วยซ้ำ

                ถ้าให้ลองถามความฝันของเด็ก ๆ กับผู้ใหญ่ สิ่งที่เห็นได้ชัดคือ เด็ก ๆ จะสามารถตอบความฝันของพวกเขาได้ทันที ในขณะที่ผู้ใหญ่จะต้องใช้เวลาคิด หรือถามถึงข้อแม้ต่าง ๆ เสียก่อนจึงจะสามารถตอบได้ ผู้ใหญ่หลายคนเลือกที่จะละทิ้งความฝันแล้วหันไปทำในสิ่งที่ข้อจำกัด สิ่งแวดล้อม ค่านิยมต่าง ๆ ผลักดันให้ไป หลายครั้งจึงเห็นผู้คนทำงานได้ไม่นานนัก ก็รู้สึกเหน็ดเหนื่อยและท้อใจ เพราะสิ่งที่เลือกไม่ใช่สิ่งที่ฝันหรือสิ่งที่รัก หรือหลายคนที่ทำงานไปวัน ๆ แบบไม่รู้เป้าหมายในชีวิตของตัวเอง ไม่รู้จะไปต่อ หรือต่อยอดยังไง รู้สึกเคว้งคว้าง ไร้จุดหมาย สิ่งที่เกิดขึ้นเหล่านี้ เกิดจากที่เราถูกลิดรอนความฝัน จะจากตัวเราเองหรือจากคนอื่น ล้วนแต่เป็นตัวบั่นทอนความภูมิใจในตัวเองทั้งนั้น

                แต่ถ้าหากเรากล้าที่จะยืนหยัด ต่อสู้เพื่อความฝันของตัวเราเอง กล้าที่จะออกนอกกรอบหรือออกจาก safe zone ปัญหาหลักของคนในยุคนี้ คือการที่เราไม่กล้าเสี่ยงที่จะทำสิ่งใหม่ ๆ หรือสิ่งที่แตกต่าง เพราะกลัว กลัวจะผิดพลาด กลัวขัดต่อแนวทางของสังคม เพราะถ้าหากเรายังเป็นเด็กทำผิดพลาดก็เป็นเรื่องเล็ก และคนยังพร้อมที่จะให้อภัยและมองข้ามเราไปได้ แต่เมื่อเราโตขึ้นทุกความผิดพลาดของเรามักจะมีคนคอยซ้ำเติมอยู่เสมอ และหลายคนมีภาระ หน้าที่ ที่ต้องรับผิดชอบต่าง ๆ จึงอาจจะไม่สามารถเอาคนอื่นมาเสี่ยงด้วยได้

เพราะปัญหาชีวิตและข้อจำกัดของแต่ละคนมีไม่เท่ากัน หลายคนจึงไม่สามารถเลือกที่จะทำตามความฝันของตัวเองได้ แต่อย่างไรก็ตาม อย่าลืมความฝันของตัวเอง ถึงแม้วันนี้เรายังไม่อาจจะสามารถทำมันได้ เราอาจไม่ต้องหักดิบเพื่อเปลี่ยนไปทำตามใจตัวเองทันที แค่เริ่มทำวันละเล็กละน้อย ให้หัวใจได้พอชุ่มชื่นบ้าง เพราะชีวิตคนเราหากไม่มีสิ่งที่ทำแล้วรู้สึกรักและภูมิใจในตัวเองเลย ชีวิตจะมีความสุขได้อย่างไร

หากเราไม่ทอดทิ้งความฝันของตัวเอง ความฝันก็จะไม่ทอดทิ้งเราเช่นกัน ใช้ชีวิตด้วยหัวใจที่เปี่ยมไปด้วยความฝัน สิ่งเหล่านี้จะทำให้เราจะมีแรงฮึดสู้ต่อไป ชีวิตของเราจะรู้สึกมีคุณค่ามีความหมายมากกว่าที่เคย ไม่ว่าความฝันในวัยเด็กของเราคือคืออะไร มันสามารถเป็นจริงได้เสมอ ถ้าเรากล้าพอ

ในวันที่ “ความสุข” ดูยากจนเกินไป

โลก 2019 คือโลกแห่งการต่อสู้และแข่งขัน คนเราต่อสู้เพื่อโอกาส หน้าที่การงานที่ดี เพื่อหวังว่าสิ่งเหล่านี้จะนำมาถึงทรัพย์สินเงินทอง และทรัพย์สินเงินทองจะพาพวกเค้าไปสู่ชีวิตที่ดี ชีวิตที่มีความสุข คนส่วนใหญ่จึงหน้าดำคร่ำเครียดกับการทำงาน บางคนก็อุทิศให้งาน ทุ่มเทเวลาเกือบทั้งชีวิต แต่สิ่งที่ได้มากลับว่างเปล่า ทำงานหนักขนาดนี้ มีเงินเยอะขนาดนี้ ทำไมถึงยังไม่มีความสุขแบบที่หวังไว้ซักที

                ความสุขของคุณคืออะไร เมื่อเราถามคำถามนี้ไป คงได้คำตอบที่หลากหลาย หลายคนบอกมีเงินทองมากมาย อยากซื้ออะไรได้ตามใจชอบ เพราะทุกวันนี้แทบไม่มีอะไรที่เงินซื้อไม่ได้ แม้แต่เวลาเงินก็ซื้อได้ บางคนบอก การมีครอบครัวที่ดีมีคู่ชีวิตมีลูกที่น่ารัก คือความสุขในบั้นปลายชีวิต แต่ก็ไม่มีอะไรรับรองได้ว่า แต่งงานแล้ว มีลูกแล้ว ชีวิตจะตัดจบ Happy Ending เหมือนในละคร เพราะชีวิตจริงยังมีต่อ ยังมีสิ่งที่ต้องฝ่าฟันไปอีก หรือบางคนบอกการได้ทำตามฝัน ได้เที่ยวรอบโลก แต่ก็มีคนที่เที่ยวรอบโลกมากมาย ที่เหมือนค้นหาอะไรบางอย่างจนอิ่มตัว แล้วสุดท้ายกลับพบว่า ความสุขมันยังไม่ถูกเติมจนเต็ม

มันเพราะอะไรกันล่ะ ในเมื่อเราลงทุนทั้งเวลา สุขภาพ เงิน ไปกับหลายอย่างแล้ว แต่เรากลับยังไม่รู้สึกมีความสุข

                เพราะเราทำให้มันยากเกินไปรึเปล่า บางคนบอกถ้ามีเงิน 10 ล้าน คงจะมีความสุขมาก แต่พอทำได้จริง กลับไม่รู้สึก เพราะคุณจะอยากได้ 100 ล้าน 1,000 ล้าน มากขึ้นไป บางคนมีครอบครัวที่ดี ได้แต่งงานมีลูกแล้วแต่ยังไม่มีความสุข เพราะอยากเห็นลูกประสบความสำเร็จ ลูกต้องเก่ง ต้องดีกว่าคนอื่น และบางคนเมื่อพิชิตยอดเขาเอเวอเรสต์ได้แล้ว กลับรู้สึกว่า เขามันเตี้ยไป อยากพิชิตเขาที่มันสูงกว่านี้ ความอยากของเราไม่มีที่สิ้นสุด และเรามักจะตั้งความสุขไว้อยู่สูงเสมอ เราต้องมีสิ่งต่าง ๆ มากกว่าที่เป็นอยู่สิ เราไม่ยอมให้ตัวเองมีความสุขสักที แล้วเมื่อไหร่ล่ะ เมื่อไหร่เราจะมีความสุขอย่างแท้จริง

                ถ้าเราลองลดวงแหวนของความสุขลง มีความสุขกับเรื่องง่าย ๆ อย่าตึงเครียดมากจนเกินไปนัก หลายคนไม่ยอมให้ตัวเองมีความสุข ตั้งข้อแม้ให้ตัวเอง ถ้ายังไปไม่ถึงจุดหมายก็จะไม่ยอมให้ตัวเองมีความสุข ลองชื่นชมตัวเองในเรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ ยิ้มให้กับคนรอบข้างบ้าง ใช้ชีวิตแบบรู้ตัวเอง หยุดการเอาตัวเองไปเปรียบเทียบกับคนอื่นแล้วมานั่งคร่ำครวญ เราควรมีชีวิตในแบบของตัวเอง และแน่นอนความสุขของแต่คนไม่เหมือนกัน ถ้าวันนี้เราเต็มที่แล้ว มันก็คือดีที่สุดแล้ว และสิ่งที่สำคัญที่สุด คือการมองเห็นคุณค่าในตัวเอง รักตัวเองที่ไม่ใช่การเห็นแก่ตัว ความสุขเป็นเรื่องใกล้ตัว เพียงแค่เราจะมองเห็นมันหรือเปล่าเท่านั้นเอง

ถ้าเรามองไปในกระจก เราจะเห็นคน ๆ นึงที่มีคุณค่า

“ความสุข” ไม่ใช่เรื่องยากจนเกินไป เพียงแค่เราเปิดใจให้กับมัน

เป็นโสดแล้ว “ชีวิตดี” มีจริงมั้ย?

ในสังคมปัจจุบันที่ข่าวคราวการนอกใจมีทุกหย่อมหญ้า ใครไม่ถูกนอกใจหรือไม่คบซ้อนเหมือนไม่ตามแฟชั่นไปซะแล้ว รักสามเศร้าอาจจะเชยไปแล้วสำหรับสมัยนี้ รักสี่เศร้ากำลังมาแรง และแน่นอนที่สุด หลายคนมองเห็นปัญหานี้ การตามหาความรักก็ยังหวั่นใจ คนยุคใหม่ไม่น้อยเลยเลือกอยู่คนเดียวไม่มีคู่ไปเลยเสียจะดีกว่า แถมตอนนี้เราจะได้พบเจอกับTrip ท่องเที่ยว Backpack คนเดียว หรือร้านอาหารที่มีที่นั่งสำหรับคนที่มาทานอาหารคนเดียว โลกเริ่มเพิ่มพื้นที่ตอบสนองคนโสดมากขึ้น แต่ก็ยังมีคนสงสัยว่า

“โสดแล้วดีจริงหรือเปล่า ไม่เหงาบ้างหรอ”

                กิจกรรมของคนโสดมีมากมาย ง่ายสุด คือนอนดู Series อยู่ห้อง หรือถ้าเบื่อห้องหน่อยก็จะออกไป Shopping นั่งร้านกาแฟ หรือไปหากิจกรรมทำ เช่น ออกกำลังกาย เล่นกีฬา แน่นอนคนโสดไม่ได้หมายความว่าไม่มีเพื่อน แต่ถึงแม้จะต้องไปคนเดียว ก็ไม่ได้เป็นปัญหาใหญ่เลย คนโสดส่วนใหญ่มักจะมีความชอบทำอะไรรวดเร็วและชอบทำอะไรคนเดียว ไม่ชอบการรอคอย เพราะฉะนั้นการจะนัดเพื่อนมาดูหนังสักเรื่องแล้วต้องแลกกับการรอ พวกเค้าเลือกที่จะดูหนังคนเดียวสบายใจกว่า หรือแม้แต่การนัดออกไปเที่ยว กว่าเพื่อนจะว่างตรงกัน สู้ไปเองเลยดีกว่า สามารถทำอะไรได้ตามใจตัวเอง ไม่ต้องรอความเห็นจากใคร คนโสดจึงถือว่าเป็นคนที่มีชีวิตอิสระไม่น้อยเลยทีเดียว

                แต่ก็ไม่ใช่ว่าคนโสดไม่เหงา มีบ้าง เวลาดูหนังรักซึ้ง ๆ หรือเห็นคนจูงมือเดินกัน เห็นความหวานของคนมีคู่ แต่ว่าแต่ละคนก็จะมีวิธีจัดการกับความเหงาของตัวเอง หาอะไรทำจนบางทีกลายเป็นคนที่ดูเหมือนยุ่งตลอดเวลา เป็นโสดสบายกายและสบายใจ แต่จะไม่รู้สึกชุ่มชื้นหัวใจเหมือนคนมีคู่ ไม่ได้มีเรื่องให้รู้สึกหวือหวาในชีวิต และก็ไม่ได้มีเรื่องให้ใจพองโต แลกกับการที่ไม่ต้องเสี่ยงกับความเสียใจที่อาจจะต้องเจอ ไม่ต้องฝากความรู้สึกไว้กับใคร

ถ้าได้เจอความรักที่ดีหรือคนที่เรารักมากจริง ๆ เชื่อว่าคนโสดหลายคนก็คงจะยอมลงจากคานซักที แต่ถ้าหากยังไม่เจอคนที่ใช่ การเป็นโสดก็ถือว่าเป็นทางเลือกที่ดี ที่ไม่ต้องปล่อยให้ตัวเองไปลองหรือเสี่ยงคบกับใคร แล้วโดนทำร้ายความรู้สึก หลายคนอยู่คนเดียวไม่ได้ ไม่อยากโสด มีแฟนไว้เพื่อกันคำว่าโสดออกจากตัวเองเท่านั้น สุดท้ายจบไม่สวยมานั่งเสียใจ เสียความรู้สึก และเสียเวลา ความโสดไม่ได้น่ากลัวอย่างที่คิด ถือว่าเป็นช่วงเวลาที่ดีที่เราจะได้อยู่กับตัวเอง ได้ฟังเสียงและความต้องการของตัวเองจริง ๆ  และเป็นช่วงรักษาหัวใจของเราให้กลับมาเข้มแข็งอีกครั้ง สิ่งสำคัญที่สุด การที่เราจะรักคนอื่นได้ เราต้องรู้จักรักตัวเราเองก่อน ให้คนรักเป็นสิ่งพิเศษที่เป็นรางวัลของชีวิตเรา ถ้ามีถือว่าเป็นของขวัญของชีวิต แต่ถ้าไม่มีเราก็อยู่ได้แบบสบาย ๆ การเป็นโสดไม่ใช่เรื่องน่าอาย เป็นโสดก็ “ชีวิตดี” ได้เหมือนกัน

ถ้า “ทางเดิน” ของชีวิต เป็นเหมือนการเลือก “สายรถเมล์”

ในวันเหงา ๆ เศร้า ๆ รู้สึกหมดหวังกับชีวิต สิ่งที่หลายคนเลือกทำคืออะไร บางคนคงอาจจะไปดูหนัง นั่งชิลร้านกาแฟ หรือไปเที่ยวสถานที่ต่าง ๆ แต่สถานการณ์ที่มันค่อนข้างแย่และหนักหน่วง การไปแค่นั้นมันไม่ได้ช่วยให้รู้สึกดีขึ้นสักเท่าไหร่ การได้อยู่กับตัวเอง มองดูผู้คน นั่นคือสิ่งที่ทำให้รู้สึกเข้าใจชีวิตและคิดอะไรได้มากกว่า สถานที่ที่เราชอบไปเวลาไม่สบายใจคือ ป้ายรถเมล์

วันที่ถูกเชิญออกจากงาน ความรู้สึกตอนนั้นมันไม่ได้เสียใจ ร้องไห้แม้แต่นิดเดียว แน่ละเรารู้อยู่แล้ว ปัญหามันมีมานานแล้ว ต่อให้ไม่เชิญออกก็ตั้งใจจะลาออกอยู่ดี เพียงแต่คราวนี้มันเร็วเกินคาด เกินกว่าที่เราจะตั้งรับทัน เราทำเหมือนปกติทุกอย่าง ไม่ได้บอกใครในออฟฟิศนอกจากเพื่อนสนิทที่สุดในนั้น ครอบครัวยิ่งแล้วใหญ่เราไม่มีทางบอกเรื่องนี้แน่ ๆ จะบอกได้ยังไงคนที่เป็นความหวังของครอบครัวแบบเราทุกคนคงใจสลายน่าดู

 มีเวลาแค่ 3 เดือน ในการหาที่ทำงานใหม่ มันน่าเศร้ามั้ยล่ะ จากคนที่เคยเป็นคนเลือกงาน ปฏิเสธที่อื่นเพื่อมาทำที่นี่ แต่วันนี้กลับโดนเชิญออก ช่างเป็นสีสันของชีวิตเสียจริง ๆ หัวสมองตอนนั้นมันไม่มีเวลาให้ตัดพ้อมากนักหรอก เพราะมันต้องคิด ต้องทำแฟ้มผลงานเพื่อยื่นไปสมัครงานเป็นสิบ ๆ ที่ บางที่ก็ไปสัมภาษณ์เพื่อให้เค้าดูถูกดูแคลน มีแต่ความเจ็บช้ำเสียใจกลับมา สถานการณ์ในตอนนั้น มันแทบไม่มีกำลังใจในชีวิตซะเลย จะฆ่าตัวตายหรอ? ไม่หรอกมันง่ายเกินไป ชีวิตเราเจอแต่แต่เรื่องยาก ๆ มาทั้งชีวิต เราเชื่อว่ามันผ่านไปได้อยู่แล้ว เพียงแต่ว่าเราจะผ่านมันไปยังไงเท่านั้นเอง

วันเวลาก็ล่วงเลยเข้าเดือนที่ 3 เราตั้งใจทำแฟ้มผลงาน และส่งไปสมัครงานอีกหลายที่และได้งานในที่สุด แต่ว่ารถเมล์มีหลายสายฉันท์ใด ชีวิตคนเราก็มีทางเลือกหลายทางฉันท์นั้น ในบ่ายวันสุดท้ายของเดือน เสียงโทรศัพท์มือถือดังขึ้น พร้อมกับเสียงปลายสายที่ขอเรียกสัมภาษณ์งาน ตอนนั้นทั้งสับสนและดีใจจนบอกไม่ถูก เราตกลงทันทีทั้ง ๆ ที่เราได้งานแล้ว เราขอไปสัมภาษณ์งานเย็นวันนั้นตอน 1 ทุ่ม

อย่างกับในหนัง ต้องฝ่ารถติด ฝ่าผู้คน เพื่อไปสัมภาษณ์งานในเย็นหลังเลิกงานของการทำงานวันสุดท้ายของออฟฟิศ เราไปทั้ง ๆ ที่ไม่ได้เตรียมตัวอะไรเลย มีแค่สภาพหัวฟู ๆ หน้ามันเยิ้มไปเท่านั้น การสัมภาษณ์ผ่านไปด้วยดี จนถึงตอนท้ายเมื่อเราตัดสินใจบอกความจริงว่า จริง ๆ เราได้งานแล้ว ตอนนั้นมันถึงทางเลือกแล้วล่ะ ก่อนหน้านี้เราเคยเจอทางเลือกแบบนี้มาก่อน เราตกลงทำงานกับที่ที่เราถูกเชิญออกแล้ว หลังจากนั้นไม่กี่วัน ที่ที่เราอยากไปก็โทรมา แต่ด้วยอะไรก็แล้วแต่ เราเกรงใจมากเพราะเรารับปากไปแล้ว เราไม่มีความกล้าพอที่จะกลับไปยกเลิก มาคราวนี้ เราลองชั่งใจดูว่าชอบที่ไหนมากกว่ากัน และใจเราก็บอก ว่าเราชอบที่นี่มากกว่า เราเลยขอเลือกตามใจของเราบ้าง ในที่สุดเราก็ตกลงทำงานกับที่ที่สองและโทรไปยกเลิกทำงานกับที่แรก

หลังจากวันนั้น เรากลับมานั่งเฝ้ามองผู้คนที่ป้ายรถเมล์อีกครั้ง ป้ายรถเมล์ ที่เป็นศูนย์รวมของคนหลากหลายอาชีพ หลากหลายวัย เราอาจจะได้เห็นคุณยายขายน้ำที่ไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย แม้ทั้งวันจะไม่มีคนซื้อ นักท่องเที่ยวต่างชาติที่ถามทางด้วยความมึนงง หรือคุณลุงคุณป้าที่หอบหิ้วสัมภาระล้นมือเพื่อที่จะไปที่ไหนสักแห่ง ผู้คนเหล่านี้ทำให้เรามองเห็นโลกที่กว้างขึ้น ไม่ว่าจะเป็นใคร ทุกคนต่างมีสิ่งที่ต้องทำ มีปัญหาที่ต้องเจอ ไม่ว่าจะเป็นคนพิการ ขอทาน พวกเขาแย่กว่าเรามากแต่เขาก็ยังอยู่ต่อ ต่อสู้กับปัญหาที่พวกเขามี การได้เห็นภาพเหล่านี้ทำให้เรามีกำลังใจในการที่จะเดินต่อไป เพราะชีวิตมีไว้ใช้ แต่ว่ามันก็มีหลายทางให้เลือกเหมือนกับป้ายรถเมล์ ถ้าเราดีหน่อยที่รู้ว่าปลายทาง จุดหมายของเราคืออะไร การเลือกเส้นทางที่จะเดินหรือสายรถเมล์ที่จะไปมันคงไม่ยาก แต่ถ้าไม่รู้ก็ต้องเสี่ยงหน่อย เราอาจจะขึ้นรถเมล์ผิดสาย แต่มันไม่ใช่ผิดพลาดแล้วแก้ไขไม่ได้ เราสามารถลงเพื่อรอสายต่อไป แล้วคุณล่ะ คุณเลือกสายรถเมล์ของคุณหรือยัง ?

เคยมีคนที่เรา “จำ” ได้ว่าเรา “ลืม” เค้าไปแล้วรึเปล่า?

หัวสมองของคนเรา น่าจะเป็นสิ่งที่ซับซ้อนที่สุดแล้ว แต่จิตใจของคนเรานั้นกลับซับซ้อนยิ่งกว่า เคยไหมกับการที่หลอกคนอื่น และเคยไหมกับการหลอกตัวเอง หลายคนคงไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่าเคยหลอกตัวเองตอนไหนจนกระทั่งได้เจอต้นตอของเรื่องราวที่เราพยายามโกหกใจตัวเองนั่นแหละ หรือน่าเศร้ายิ่งกว่า คือบางคนไม่รู้เลย

                ถ้าใครเคยมีความรัก ก็คงจะพอเคยชิมรสชาติของการอกหักมาบ้าง คงไม่มีใครที่ไม่เคยผิดหวังเสียใจกับเรื่องนี้ ความสัมพันธ์ที่ไปต่อกันไม่ได้ พยายามก้าวไปข้างหน้าเท่าไหร่ก็ไปไม่ถึง สุดท้าย การแยกกันเดินจึงเป็นทางออกที่ดีที่สุดสุด บางคนได้ออกไปเดินในเส้นทางใหม่ ๆ ผู้คนใหม่ ๆ แต่บางคนก็ยังคงวนเวียนอยู่ในเส้นทางเก่า ๆ ผู้คนเก่า ๆ และความรู้เก่า ๆ

                การหาสังคมใหม่ ๆ มักจะเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุดสำหรับคนที่ผิดหวังในความรัก ได้ออกไปทำความรู้จักเพื่อนใหม่ สถานที่ใหม่ ทำให้เราสามารถ “ลืม” เรื่องราวที่ทำให้ผิดหวังเสียใจได้ในชั่วขณะ แต่เราลืมได้จริง ๆ หรือเปล่า พอผ่านสถานการณ์นั้นไป กลับห้องยังคิดถึงเขาอยู่ไหม เห็นคนอื่นไปเที่ยวด้วยกัน เดินจูงมือกัน ภาพเก่า ๆ ยังคงกลับมาบ้างรึเปล่า เราพยายามบอกตัวเอง แล้วหาอะไรทำ เพื่อให้สมองไม่มีที่ว่างให้นึกถึงเรื่องที่เจ็บปวด แต่ความจริงแล้ว ความเจ็บปวดมันไม่ได้อยู่ที่หัวสมอง แต่มันอยู่ที่ใจของเราต่างหาก

แต่เราไม่สามารถหลอกใจของเราได้หรอก ถ้าวันหนึ่ง วันที่บังเอิญไปเจอเขาคนนั้น เราจะสามารถรู้ได้เลยว่าจริง ๆ แล้วความรู้สึกของเรามันยังคงอยู่ แต่แค่ถูกจัดสรรให้อยู่ถูกที่ถูกทาง อยู่ในที่ที่เราจะไม่ทำเจ็บปวดไปมากกว่าเดิม หลายคนคิดว่าตัวเองดีขึ้นแล้ว แต่พอไปเจอคนคนนั้นจริง ๆ ความรู้สึกถาโถมเข้ามาใส่ จนตั้งตัวไม่ทัน เพราะพวกเขาหลอกตัวเองว่า “ลืม” ได้แล้ว คนที่โชคดีหน่อย ก็อาจจะได้รับการเยียวยาจากคนที่ทำให้เสียใจ ส่วนคนที่กลับไปก็ไม่มีอะไรดีขึ้น ก็ต้องเยียวยาตัวเอง ลองอยู่กับความเจ็บปวดบ้าง ลองอยู่กับมัน ยอมรับมัน เข้าใจมัน ดีกว่าการวิ่งหนีความรู้สึกตัวเอง จนเราไม่สามารถรักใครใหม่ได้อย่างแท้จริง เรื่องแย่ ๆ บางทีก็เป็นบทเรียนสอนใจ เตือนให้เราจำไว้ จะได้ไม่พาตัวเองไปเป็นแบบเดิมอีก

สุดท้าย สำหรับใครก็ตามที่ยังรู้สึกว่าตัวเองยังไม่มีความสุขอย่างแท้จริง ยังรู้สึกมีอะไรติดค้างในใจ หรือไม่สามารถสบตาคนเก่า ๆ อย่างบริสุทธิ์ใจได้ ลองถามตัวเองดี ๆ ว่าจริง ๆ แล้ว เราลืมเค้าได้หรือยัง เราอาจจะสามารถแกล้งเบลอเหตุการณ์ในอดีตได้ ทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นได้ หรือแม้กระทั่งทำเหมือนว่าเราไม่ได้รู้สึกอะไรกับคน ๆ นั้นแล้ว แต่ตัวเราจะรู้ดีที่สุดเมื่อเจอเหตุการณ์ที่ทดสอบใจ บางทีเราอาจจะเพิ่งรู้ตัวว่า จำได้ว่า “ลืม” เค้าไปแล้ว แต่ทำไมพอเจอหน้ากลับยังเจ็บปวดอยู่ ลืมได้แล้ว หรือแกล้งลืม