ถ้าใครเป็นแฟนนิยายของ เจมส์ ฮิลตัน นักเขียนชาวอังกฤษ ก็คงจะคุ้นชื่อแชงกรีล่ามาบ้าง ซึ่งผู้เขียนได้ให้คำจำกัดความสถานที่แห่งนี้ว่า “สวรรค์บนดิน” จากนิยายเรื่อง The lost Horizon จนเมื่อปี 2002 ทางการจีนได้นำชื่อนี้ไปใช้กับเมืองจงเตี้ยน ประเทศจีน เพราะมีความสวยงามเหมือนกับสวรรค์บนดิน เปรียบได้กับแชงกรีล่าในนิยายและด้วยความงามเลื่องชื่อนี้ ทำให้เราอยากไปสัมผัสด้วยตาตัวเองสักครั้ง ทริป 7 วัน 6 คืน คุณหมิง – ลี่เจียง – แชงกรีล่า ในการตามล่าสวรรค์บนดินจึงได้เริ่มขึ้น
เช้าวันแรกเราไปถึงสนามบินดอนเมืองเพื่อบินไปที่เมืองคุณหมิง ประเทศจีน การเดินทางของเราใช้เวลา 2 ชั่วโมงกว่า ๆ หลังจากลงเครื่อง ลมหนาวก็ปะทะใบหน้าของเราทันที เราต่อรถจากสนามบินไปที่สถานีรถไฟเพื่อที่จะเดินทางไปลี่เจียง รถไฟเป็นลักษณะตู้นอน เตียงมี 2 ชั้น ตู้นึงนอนได้ 4 คน เราได้นอนตู้กับคุณพ่อและลูกสาววัยกำลังน่ารัก ที่เจือยแจ้วตลอดทั้งคืน การเดินทางค่อนข้างยาวนาน รถไฟออก 3 ทุ่ม ไปถึงลี่เจียง 6 โมงเช้า เราต่อรถไปที่ old town ของลี่เจียงเพื่อหาของกินและเดินเล่นรอที่เข้าไปเชคอินที่พัก old town ของที่นี่มีทั้งบ้านเก่าที่เป็นของเดิมกับบ้านที่เป็นสร้างใหม่ปะปนกันไป แต่ต้องชื่นชมการรักษาความสะอาดของที่นี่ แทบจะไม่เห็นขยะเลย รอบ ๆ เมืองเก่ามีการปลูกดอกไม้สวยงามประดับไว้มากมาย และการดูแลดอกไม้ที่ก็ได้รับการดูแลอย่างดี
หลังจากเราดื่มด่ำกับการชมเมืองเก่าของลี่เจียงแล้ว เราก็เดินทางไปยังสถานที่นึงที่เรียกได้ว่า สวยงามมากจริง ๆ นั่นคือ Blue moon valley เป็นบึงน้ำสีฟ้าสดใสขนาดใหญ่ และใกล้ ๆ กันมีน้ำตกไป่สุ่ยเหอ หลังจากชื่นชมความงามของน้ำตกเรียบร้อยแล้วก็ได้เวลาพกออกซิเจนกระป๋องขึ้นไปทดลองใช้ก่อนจะไปแชงกรีล่าจริง ๆ เรามุ่งหน้ากันไปยัง Jade dragon snow mountain ที่สูงกว่าระดับน้ำทะเลถึง 5 พันกว่าเมตร ออกซิเจนบนนั้นน้อยมาก และเนื่องจากช่วงเวลาที่เราไปเป็นช่วงหน้าฝน แทนที่จะได้เจอหิมะจึงได้เจอฝนแทน เมื่อขึ้นไปด้านบนยอดเขาจึงพบหมอกจำนวนมาก อากาศไม่ค่อยปลอดโปร่ง เราจึงอยู่บนนั้นไม่ได้นาน เพราะต้านทานความหนาวและฝนไม่ไหว หลังจากผจญพายุฝนแล้วก็ออกไปหาของทานที่เมืองเก่าเช่นเดิม แต่ที่ลี่เจียงจะมีเมืองเก่าอยู่ 2 เมือง อาหารส่วนใหญ่จะเป็นลักษณะเพื่อเพิ่มความอบอุ่นให้ร่างกาย ที่พบเห็นมากที่สุดน่าจะเป็นอาหารจำพวก ซุป และเกี้ยว รสชาติอาหารจะค่อนข้างจืดและใช้น้ำมันในการปรุงอาหารเยอะซักหน่อย และเนื่องจากลี่เจียงเป็นเมืองที่ไม่ใช่เมืองหลวง คนที่นี่จึงใช้ภาษาถิ่นเป็นส่วนใหญ่ จะพบคนที่ใช้ภาษาอังกฤษในการสื่อสารน้อยมากจริง ๆ การสื่อสารของเราตอนอยู่ที่นั่นจึงค่อนข้างลำบากพอควร
หลังจากดื่มด่ำกับธรรมชาติและเมืองเก่าที่ลี่เจียงแล้ว ก็ได้เวลามุ่งหน้าไปยังจุดหมายของเราจริง ๆ สักที เช้าวันรุ่งขึ้นเรานั่งรถบัสเพื่อไปที่เมืองจงเตี้ยนหรือแชงกรีล่า และด้วยความที่เป็นช่วงที่เราไปเป็นฤดูฝน วิวข้างทางจึงเป็นต้นไม้สีเขียวขจี ตลอดเส้นทาง ถือว่าแค่ได้เห็นข้างทางก็รู้สึกว่า มันสวยงามมากจริง ๆ เรามาถึงแชงกรีล่า หลังจากเก็บของเข้าที่พักก็ไปที่ วัดซงจ้านหลิน ซึ่งเป็นวัดที่มีสถาปัตยกรรมแบบทิเบต มีความสวยงามมาก รอบ ๆ วัดมีพื้นให้เยี่ยมชมและถ่ายรูป เราใช้เวลาอยู่ที่วัดจนหมดวันพอดี ก็ได้เวลาไปลองชิมอาหารของที่นี่ ที่แชงกรีล่า สิ่งที่ขึ้นชื่อมากที่สุดคือ เนื้อจามรี หลังจากลองชิมแล้วรู้สึกเหมือนเนื้อวัว และอีกอย่างที่ขาดไม่ได้คือ หม่าล่า ไม่ว่าจะไปส่วนไหนของที่เราจะพบทุกอย่างที่ทำจากหม่าล่า หรือมีหม่าล่าผสม ซึ่งหม่าล่าของที่นี่จะค่อนข้างรสชาติจัด ถ้าคนที่กินเผ็ดไม่ได้ก็แนะนำให้ทดลองกินน้อย ๆ เท่านั้น การสำรวจของวันนี้จบลงไป เรารีบเข้านอนเพื่อที่เช้าวันรุ่งขึ้นจะไปยังที่หมายของเรา นั่นคือ Shika Snow Mountains และเหมือนเดิม สิ่งที่ขาดไม่ได้คือออกซิเจนกระป๋อง โชคดีของเราที่วันนี้อากาศค่อนข้างแจ่มใส เมื่อเราขึ้นกระเช้าไปถึงยอดเขา ก็พบความเขียวชะอุ่มในหน้าฝนของที่นี่ ลมที่พัดมาปะทะค่อนข้างแรงมาก ลองหลับตาแล้วสัมผัสกับลมและฟังเสียงลม ช่างเป็นอะไรที่ดีมากจริง ๆ ทิวเขาที่ทอดยาวแทบจะเสมอเมฆนี้ ความสวยงามที่พบเห็น ไม่สามารถบรรยายได้ ถ้าไม่เห็นด้วย เราดื่มด่ำกับบรรยากาศด้านบนหลายชั่วโมง ที่นี่ค่อนข้างสงบเงียบกว่าภูเขาที่แรก แต่ถึงแม้จะไม่ได้เห็นหิมะปกคลุมแบบที่ตั้งใจ แต่ว่าความเขียวของต้นไม้ในหน้าฝนก็นับว่าเป็นวิวที่สวยไม่แพ้กัน
หากกำลังมองหาสถานที่ที่สวยงาม และท้าทาย ที่ แชงกรีล่า เป็น 1 ในตัวเลือกที่ดีเลยทีเดียว นอกจากจะอยู่ไม่ไกลจากไทยแล้ว ธรรมชาติและชุมชนของที่นั่นก็ยังคงความเรียบง่ายและสวยงาม อิ่มใจมากจริง ๆ กับทริปนี้ ทุกอย่างเกินความคาดฝันไว้ แล้วจะรู้ว่า ที่จีนมีธรรมชาติที่สวยงามไม่แพ้ที่ไหนเลย และแชงกรีล่าก็เหมาะสมกับคำว่า “สวรรค์บนดิน” จริง ๆ