Tag Archives: การละเล่น

ไขข้อสงสัย บอกที่มาของรูบิค สี่เหลี่ยมลูกบาศก์เจ้าปัญญา

รูบิคคืออีกหนึ่งของเล่นที่ถ้าใครสามารถบิดกลับมาที่เดิม ตรงสีครบทุกมุมได้ ก็จะถือว่าคนนั้นมีความสามารถทีเดียว ถึงแม้จะมีสูตรต่าง ๆ บอกไว้สำหรับใช้เล่นแล้วก็ตาม แต่ยังไงก็จำเป็นต้องใช้สมองในการขบคิดตามเสมอกับสถานการณ์ด้านของสีที่กำลังเจออยู่ แต่แล้วของเล่นฆ่าเวลาที่ได้รับความนิยมไปทั่วโลกนี้มีที่มาจากไหน ใครพอจะทราบบ้าง

รูบิคมาจากไหน

เป็นอีกครั้งที่ชื่อของสิ่งของ แบรนด์ หรือผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ ถูกตั้งตามนามสกุลของผู้คิดค้น เช่นเดียวกันกับ รูบิค ที่มาจากความคิดอันล้ำเลิศของ Erno Rubik เขาคืออาจารย์ไฟแรงที่สอนสถาปนิกชาวฮังการีที่ได้ดิบได้ดีจากการขายของเล่น นับว่าเป็นความสำเร็จในวิชาชีพอย่างหนึ่งเช่นกัน เพราะของเล่นชิ้นนี้ไม่ใช่ของเล่นธรรมดาที่ให้แต่ความเพลิดเพลินเท่านั้น แต่รูบิคกลายเป็นของที่ไว้ใช้พัฒนาทักษะทั้งกับเด็กเองหรือกับผู้ใหญ่ก็ตาม เพราะตั้งแต่แรกเริ่ม รูบิค ถูกคิดค้นขึ้นมาเพื่อเป็นสื่อการสอนเกี่ยวกับเรื่องมิติและพื้นที่เท่านั้น   

ถึงแม้ในช่วงแรกรูบิคจะได้รับการตั้งชื่อจากคุณพ่อของมันเองว่า Magic cube แต่ในภายหลังก็ถูกนำมาจดสิทธิบัตรในชื่อของ รูบิค เอง ให้สมเกียรติกับผู้คิดค้นของเล่นหมุนโลกนี้   

รูบิคคือสื่อที่นำเสนอความคิดอย่างลึกซึ้งผ่านตัวกลางอย่างเจ้าลูกบาศก์ที่ถูกขนานนามว่าเป็นของเล่น จากปากของผู้คิดค้นรูบิคเอง เขาให้ความสำคัญกับกลวิธีในการแก้ปัญหา มากกว่าผลลัพธ์ที่แล้วเสร็จ เพราะอย่างที่รู้กันว่ารูบิคสามารถแกะถอดออกมาแล้วประกอบเองใหม่ได้เลย ซึ่งผลก็อาจจะเหมือนกับการค่อย ๆ หมุนไปทีละด้าน คือการที่ทุกด้านมีสีเสมอกันครบ แต่แล้วจะมีประโยชน์อะไรถ้าระหว่างทาง ตัวผู้เล่นเองไม่ได้ประสบกับการลองแก้ปัญหาดูเลยแม้แต่นิดเดียว และตัว รูบิค เองก็ได้พิสูจน์ตัวตนของมันเองว่าวิธีการแก้ปัญหาไม่ได้มีเพียงแค่ทางเดียว แต่ยังมีหนทางอีกหลากหลายที่จะนำไปสู้ความสำเร็จในการหมุน เช่นนี้เอง รูบิคจึงถูกส่งต่อให้กับเด็ก ๆ ทั่วโลกเพื่อทำความเข้าใจ ฝึกฝนสมาธิและเปิดหัวใจรับวิธีการแก้ไขปัญหาที่แตกต่างกัน จนปัจจุบันแม้ผ่านมาหลายสิบปี รูบิคก็ยังคงได้รับความนิยมอย่างไม่เสื่อมคลาย และมีการจัดแข่งขันที่ยิ่งใหญ่ระดับโลกอยู่ในทุก ๆ ปี วันนี้หากคุณชื่นชอบรูบิคยังสามารถสนุกได้มากขึ้น ผ่านเล่นเดิมพันสนุก ๆ กับเพื่อนสนิทก็ยังได้

การพัฒนาของรูบิค   

วิวัฒนาการของรูบิคเองก็เป็นที่น่าจับตามองทีเดียว เพราะทุกวันนี้หน้าตาของมันไม่ใช่เจ้าสี่เหลี่ยมลูกบาศก์ทที่มี 6 ด้านขนาด 3 × 3 อีกต่อไป เรามีรูบิคที่ใหญ่ขึ้น กลวิธีการเล่นก็ซับซ้อนยิ่งขึ้น กระทั่งรูปทรงของรูบิคเองก็ไม่ใช่รูปสี่เหลี่ยมอีกต่อไป สิ่งเหล่านี้คือนิมิตรหมายอันดีที่ของเล่นเหล่านี้มีการพัฒนาเปลี่ยนแปลงตลอด ส่งผลให้เราสามารถคาดหวังกับอนาคตได้ว่าจะมีของเล่นที่พัฒนาจากของเดิมที่เล่นสนุก ฝึกทักษะได้อย่างทรงพลังและมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้นไปอีก

ทำไมเพื่อน ๆ ถึงยี้ “การพันด้าย” ของนายโนบิ โนบิตะ

โนบิตะคือชื่อของเด็กผู้ชายคนหนึ่งที่น่าจะมีคนรู้จักเขาเกินครึ่งโลก เป็นต้นแบบแห่ความขี้เกียจ ไม่เอาไหน หนำซ้ำในบางครั้งตัวละครโนบิตะยังมีอาการขี้อิจฉาอย่างออกนอกหน้า แต่สิ่งที่ทำให้เขาเป็นตัวเอกที่ตราตรึงใจของใครหลายคนก็คงจะเป็นเพราะความมีเมตตา และจิตใจดีของเด็กคนนี้เอง ที่สำคัญ โนบิตะยังมีข้อดีอื่น ๆ อีกมาก ทั้งเป็นนักแม่นปืนตัวฉกาจหรืออัจฉริยะทางด้านการพันด้าย ที่ในการ์ตูนเรามักจะเห็นว่าใคร ๆ ก็เบือนหน้าหนี ทั้ง ๆ ที่การพันด้ายก็นับเป็นความสามารถที่น่าสนใจอย่างหนึ่งเชียว

ทำความรู้จักกับ “อายาโทริ”

ต้องเกริ่นก่อนว่าการเล่นพันด้ายในญี่ปุ่นที่รู้จักกันในชื่อ “อายาโทริ” ไม่ใช่การละเล่นไร้สาระแต่อย่างใด เพราะอันที่จริงแล้วมันมีประวัติศาสตร์ที่ยาวนานและน่าสนใจมากทีเดียว เพราะไม่ใช่เพียงแค่ที่ญี่ปุ่นเท่านั้น แต่การเล่นพันด้ายเป็นที่นิยมแพร่หลายไปทั่วโลก อาจเป็นการละเล่นที่เก่าแก่ที่สุด ตั้งแต่ยุคหินเป็นต้นมา ที่สำคัญคือมีจุดเชื่อมโยงเหมือนกันตรงที่จะเริ่มต้นการเปิดด้ายด้วยท่าตัว A เสมอ

แล้วทำไมทุกคนถึงไม่ใส่ใจความสามารถของโนบิตะในข้อนี้เลย ถึงแม้จะได้การยอมรับว่าเก่งกาจมากเพียงใด แต่การเล่นพันด้ายเมื่อเทียบกับการออกไปวิ่งเล่นอื่น ๆ ของเด็กผู้ชายในเรื่องอย่างมวยปล้ำหรือเบสบอลแล้ว โนบิตะมักถูกหัวเราะเยาะไล่หลังทุกทีไป สาเหตุมาจากในยุคนั้น การเล่นพันด้ายมักเป็นที่นิยมกันในหมู่เด็กหญิง ทำให้คนรู้สึกว่าเป็นการละเล่นที่หน่อมแน้มไม่สมชายชาตรี ไม่มีการใช้พละกำลัง ไม่ต้องอาศัยกล้ามเนื้อเป็นมัด ๆ ในการขยับแขนขา ทั้งที่จริงแล้ว การเล่นพันด้ายนั้นต้องอาศัยการสอดคล้องกันทั้งระบบประสาทนิ้วและสมอง เรียกได้ว่าไม่ใช่การละเล่นหน่อมแน้มอย่างที่ทุกคนคิด

แต่ในปัจจุบันก็เห็นได้ว่าการเล่นพันด้ายยังคงเป็นที่นิยมกัน แม้กระทั่งในหมู่เด็กผู้ชายเองก็ตาม อย่างศิลปินชายหลายท่านก็ได้เล่นการละเล่นพันด้ายนี้ออกสื่ออยู่บ่อยครั้ง เป็นการทะลายกำแพงชั้นยอดที่ว่าพันด้ายเป็นของเล่นสำหรับเด็กผู้หญิงได้เป็นอย่างดี ฉะนั้นแล้วถ้าเป็นในยุคปัจจุบันนี้ โนบิตะเองก็คงได้รับการยกย่องมากกว่าเดิม อาจอัดวีดีโอคลิปของตัวเองที่เล่นพันด้ายจนได้รับความสนใจอย่างล้นหลาม และได้รู้สึกพึงพอใจในตัวเองบ้างแม้จะทำผลการเรียนออกมาได้ไม่ดีนักก็ตาม

พันด้าย การละเล่นที่เชื่อมคนเข้าด้วยกัน

ในไทยเราเองการละเล่นพันด้ายนี้ก็เป็นที่นิยมกันในหมู่เด็ก ๆ ไม่ใช่น้อย ทั้งเล่นแบบสองคนที่ต้องผลัดกันต่อท่าด้ายไปเรื่อย ๆ เพื่อให้ถึงด่านถัดไป กับการพันด้ายตามนิ้วมือให้ออกมาเป็นรูปร่างอย่างของโนบิตะ นับว่าการเล่นเหล่านี้สามารถกลายเป็นงานอดิเรกที่ฝึกสมองได้เป็นอย่างดีจนน่าตกใจ ชวนให้ฉุกคิดว่าแท้จริงแล้วโนบิตะเองก็มีมันสมองที่ดีทีเดียว และการพันด้ายไม่ใช่การละเล่นแบ่งแยกเพศแต่อย่างใด ไม่ว่าใคร อายุและเพศใด การพันด้ายก็เป็นมิตรกับทุกคน

รวม 4 ท่าควงปากกาพื้นฐานแนะนำสำหรับมือใหม่หัดควง

การควงปากกาคืองานอดิเรกสำหรับฝึกสมองบ่มสมาธิเป็นอย่างดี แน่นอนว่ามีกลุ่มคนรักการควงปากกาได้ทำคอมมิวนิตีไว้สำหรับผู้ที่อยู่ในวงการและผู้ที่สนใจโดยเฉพาะ มีคลิปวีดีโอสอนควงอย่างละเอียดในยูทูป มากไปกว่านั้น การควงปากกาถือเป็นศิลปะอีกแขนง เป็นกีฬาการแข่งขันอีกรูปแบบหนึ่งที่ใคร ๆ ก็ต้องชื่นชม เพราะนอกจากจะต้องอาศัยประสาทสัมผัสอันเป็นเลิศแล้ว ความมุมานะ อดทนหมั่นฝึกฝนก็เป็นอีกหนึ่งคุณลักษณะสำหรับคนที่ควงปากกาอย่างเอาจริงเอาจัง

4 ท่าขั้นพื้นฐาน

1. Thumb around

ถือเป็นท่าพื้นฐานที่เราได้เห็นกันบ่อย ๆ เลยทีเดียว เพราะไม่ว่าใครจะเริ่มฝึกควงปากกาแรก ๆ ไอ้เจ้าท่านี้มักจะเป็นตัวเลือกต้น ๆ สำหรับการฝึกเสมอ กลวิธีของมันคือการใช้นิ้วกลางออกแรงผลักให้ปากกาไปหมุนวนอยู่หลังนิ้วโป้งโดยมีการใช้นิ้วชี้คอยประคองไว้ตอนจบ

2. Sonic   

ชื่อนี้ใครหลายคนอาจนึกถึงเจ้าเม่นสายฟ้าตัวสีฟ้าชื่อดัง แท้จริงแล้วท่านี้คือการควงปากกาให้หมุนด้วยแรงส่งของนิ้วนาง เพื่อให้หมุนอยู่บนนิ้วกลาง แล้วจึงค่อยใช้โคนนิ้วโป้งในการสกัดไว้และเหนี่ยวปากกาอีกที

3. Charge

อันที่จริงท่านี้สามารถทำได้นานเท่าที่เหล่า Spinner อยากจะทำ สมกับชื่อ Charge ของเจ้าตัว เพราะแท้จริงแล้วเป็นเพียงแค่การหนีบปากกาไว้ระหว่างนิ้วกลางและนิ้วนาง แล้วปล่อยให้ความหนักของปากกาเหวี่ยงตัวมันเองหมุนจนเกิดเป็นท่านี้ขึ้นมา

4. Fingerpass

หลายคนก็คงเคยเห็นท่านี้เหมือนกัน เพราะเป็นที่นิยมอยู่พอควร กับการส่งผ่านปากกาที่กำลังหมุนอยู่ผ่านนิ้วทั้งสี่โดยอาศัยแรงผลักจากนิ้วโป้งในช่วงตอนต้น เรียกได้ว่าสามารถทำได้ยาว ๆ ไม่มีจุดสิ้นสุดเหมือนกัน

ทั้งสี่ท่านี้นับเป็นเพียงพื้นฐานของการควงปากกาเท่านั้น เพราะท่าต่าง ๆ ที่มีอยู่นั้นมีมากมายหลากหลาย ซึ่งล้วนแล้วแต่ต้องอาศัยการฝึกฝน ซึ่งทางเว็บไซต์ thaispinner เขาก็ได้รวบรวมจัดตั้งเป็นกลุ่มไว้พูดคุยและศึกษาเกี่ยวกับการควงปากกาไว้ได้อย่างเป็นระบบระเบียบ ดังนั้นแล้วใครที่สนใจการควงปากกาก็สามารถกดเข้าไปเยี่ยมชมและหา tutorial ต่าง ๆ มาดูกันได้เลย นอกจากนี้ ยังมีเซทสำหรับฝึกควงปากกาโดยเฉพาะ หรือ accessory สำหรับแต่งปากกาเพื่อถ่วงดุลในการควงที่เหมาะสมสำหรับแต่ละคนอย่างยิบย่อย ซึ่งก่อนจะตัดสินใจซื้ออะไร ควรดูและศึกษาข้อมูลให้ถี่ถ้วน

การควงปากกาในชีวิตประจำวัน

บ่อยครั้งที่พอเริ่มควงปากกาเป็นแล้วจะติดการควงปากกาไปโดยอัตโนมัติ ไม่ว่าจะเป็นช่วงกำลังคิดงานเพลิน ๆ เวลาตั้งใจฟังอาจารย์ กระทั่งเวลาทำงาน กลายเป็นว่าการควงปากกานี้ทำให้เรามีสมาธิจดจ่อดีขึ้น และการควงไปเรื่อย ๆ นั้นเองที่เป็นการฝึกฝนอย่างไม่รู้ตัวและไม่รู้สึกว่าต้องฝืนใจในการฝึก ที่สำคัญเมื่อระบบประสาทการขยับนิ้วสัมพันธ์ไปกับระบบสมองแล้ว ก็จะช่วยทำให้เรามีความจำที่ดีขึ้นได้อีกด้วย